“อรรถพล” แม่ทัพใหญ่ ปตท. ชู 3 GROWTH นำองค์กรเติบโตสู่อนาคต

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)ได้ฉายภาพถึงทิศทางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจสู่อนาคต และเป้าหมายของกลุ่ม ปตท. ในการมองไปในอนาคตให้ชัดเจน

ทุกวันนี้จะเห็นได้ว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจกลุ่ม ปตท. เน้นการปรับแผนการดำเนินงานในอนาคตให้สอดรับกับวิสัยทัศน์ Powering Life with Future Energy and Beyond เพื่อนำไปสู่เป้าหมายโดยชูกลยุทธ์ 3 GROWTH ซึ่งได้สื่อสารให้กับผู้บริหารกลุ่ม ปตท. ได้รับทราบโดยทั่วกัน

เริ่มจาก BUSINESS GROWTH ขยายธุรกิจพลังงานที่มีแนวโน้มเติบโตรองรับการเปลี่ยนผ่านทางพลังงาน ขยายธุรกิจก๊าซธรรมชาติ (แอลเอ็นจี) ตั้งเป้าสร้างประเทศไทยให้เป็นRegional LNG Hubมุ่งลงทุนด้านโครงสร้างสิ่งอำนายความสะดวกที่เกี่ยวกับก๊าซธรรมชาติ

เช่น จากเดิมใช้ก๊าซผ่านทางท่อส่งก๊าซ แต่ปัจจุบันสามารถทำให้ก๊าซอยู่ในรูปของเหลวและใช้ขนส่งผ่านเรือ สามารถนำเข้ามาจากทั่วโลกได้ ปตทคำพูดจาก ฟรี เกมสล็อตทดลองเล่น. มีการลงทุนสร้างท่าเรือเฉพาะในการรับการขนส่งLNGจากทั่วโลก เพื่อนำเข้ามาใช้ในระบบของประเทศ และยังเป็นศูนย์กลางในการซื้อ-ขายแอลเอ็นจีด้วย รวมถึงธุรกิจไฟฟ้า จากพลังงานหมุนเวียน

NEW GROWTH การเติบโตในธุรกิจกิจพลังงานแห่งอนาคตและธุรกิจที่ไกลกว่าพลังงาน กลุ่ม ปตท. จึงได้จัดพอร์ตลงทุนธุรกิจใหม่ใน 6 ด้านที่เป็นเทรนด์ใหม่ผ่านบริษัทในเครือ ปตท. และการตั้งบริษัทใหม่ เช่น คือ1. New Energy เช่นลงทุนพลังงานทดแทน – พลังงานหมุนเวียนต่อเนื่อง EV Value Chain:ตั้งบริษัทใหม่ชื่อว่า “อรุณ พลัส” เพื่อทำธุรกิจรถไฟฟ้าครบวงจร และตั้งบริษัท อีวี มี พลัส จำกัด เพื่อให้บริการDigital PlatformสำหรับธุรกิจEVคำพูดจาก ทดลองสล็อต ใหม่ล่าสุด

2. Life Scienceเป็นการลงทุนด้านผลิตภัณฑ์ยา อุปกรณ์ทางการแพทย์ และอาหารเพื่อสุขภาพ3. Mobility and Lifestyleการร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อให้สถานีบริการน้ำมันของโออาร์ สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 4. High value businessต่อยอดธุรกิจปิโตรเคมี5. Logistics and Infrastructureมุ่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐานด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ6. AI, Robotics and Digitalizationธุรกิจที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูง รวมถึงการผลิตจักรกลอัจฉริยะ เพื่อส่งเสริมธุรกิจในเครือ โดยทั้งหมดนี้ตั้งเป้าให้มีสัดส่วนกำไรสุทธิ 30% ในปี 73

CLEAN GROWTH การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของทั้งกลุ่ม ปตท. ลงที่เป้าหมาย 15% เทียบจากปี 63 โดยทุกบริษัทในกลุ่ม ปตท. กำหนดเป้าหมายมุ่งสู่ Net Zero Emission ครบถ้วนแล้ว ซึ่ง ปตท. พร้อมมุ่งสู่ Carbon Neutrality และ Net Zero Emission ให้เร็วกว่าเป้าหมายของประเทศ

แม่ทัพใหญ่กลุ่ม ปตท. มองว่า ภาคพลังงานมีความท้าทายมากต้องคำนึงถึงการบริหารงานจะต้องสมดุลให้ดีระหว่างความมั่นคงด้านพลังงาน และตัวซัพพลายในการที่จะต้องบริหารอย่างไรให้พร้อมใช้งาน ขณะเดียวกันพลังงานมีผลโดยตรงกับสิ่งแวดล้อม ดังนั้นจะทำอย่างไรให้กระทบกับสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด โดยเฉพาะการกระทบด้านราคา เพราะเมื่อต้องการพลังงาน ที่กระทบสิ่งแวดล้อมน้อย จะต้องเลือกใช้พลังงานสะอาด แต่ราคาแพง ส่วนราคาน้ำมันเมื่อยิ่งมีราคาสูงก็จะยิ่งกระทบกับเศรษฐกิจ ถือเป็นความท้าทายอย่างมาก

สำหรับการดำเนินงาน ปตท. จะบริหารทุกอย่างให้มีประสิทธิภาพ เช่น การดูแลสิ่งแวดล้อม ต้องพัฒนาพลังงานให้เกิดผลกระทบน้อยสุด รวมถึงการผลิตพลังงาน จะไม่ให้ปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเป็นศูนย์คงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นจะต้องใช้เทคโนโลนยีการดักจับและการจัดเก็บคาร์บอน(CCS)เข้ามาช่วยให้มากที่สุด

“ธุรกิจปตท.มองความท้าทายระดับองค์กรทั้งประเทศ โดยช่วง 20 – 30 ปีที่ผ่านมา ดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับประเทศ อุตสาหกรรมบางตัวต้องเปลี่ยนแปลง ด้วยพลังงานข้างหน้าเริ่มไม่แน่นอน จึงต้องใช้หลักการอย่าแทงหวยตัวเดียว โดยองค์กรต้องปรับตัวเองให้เห็นทั้งลูกค้า และคู่ค้า ล่าสุดได้จัดแสดงนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ของธุรกิจกลุ่ม ปตท. ที่สะท้อนภาพลักษณ์ในด้าน Future Energy และ Beyond ซึ่งทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงการปรับตัว ความมุ่งมั่น และความพร้อมในการพัฒนาธุรกิจอย่างไม่หยุดยั้งของกลุ่ม ปตท. ให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงไปของโลกในปัจจุบัน”

นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการตอกย้ำความมุ่งมั่นและการดำเนินธุรกิจตามทิศทางวิสัยทัศน์ Powering Life with Future Energy and Beyond ที่จะนำพากลุ่ม ปตท. ไปสู่การเติบโตและความสำเร็จที่มั่นคงในระยะยาว และร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจพัฒนาประเทศไทยสู่ความยั่งยืน